หลังจากที่เดินทางกันมาจนถึงโมเดลใหม่ล่าสุดของตระกูล DUKE 250 รถในแนวสปอร์ตเนกเกตระดับเอนทรี่คลาสก็เผยโฉมกันออกมาแล้ว และแน่นอนว่าอีกไม่นานมันจะมาทำตลาดแทนโฉมเดิมในประเทศไทยเรา เราลองมาดูด้วยกันว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้างกับ All New KTM Duke 250 2017
KTM 250 Duke เวอร์ชั่นที่เปิดตัวในอินเดีย ใช้พื้นฐานการออกแบบเดียวกับ 2017 KTM Duke 390 และมีการเปลี่ยนแปลงระบบหน้าจอแสดงผลใหม่ที่เป็นแบบ TFT Display ที่ทันสมัย ถังน้ำมันขนาดใหญ่ ระบบไฟ LED รอบคัน แต่ที่น่าเสียดายที่ไม่มีระบบ ABS ตัวถังของ Duke 250 มีความเหมือนกับ Duke 390 ทุกประการ ด้วยรูปแบบของ trellis frame หรือเฟรมถักที่ให้ความคงทนแข็งแรง สวิงอาร์มหลังได้รับการปรับแก้จากตัวต้นแบบโดยการปรับพื้นฐานมาจากสวิงอาร์มของ Duke 690 ที่เป็นอัลลอยด์เบาแบบหล่อขึ้นมาเป็นพิเศษ ซึ่งทานร่วมกับโช้คอัพของ WP ที่จะช่วยในการซับแรงในการเข้าโค้งได้ดียิ่งขึ้น
ตัวเครื่องยนต์ของ Duke 250 เวอร์ชั่นนี้นั้นจะมีขนาดความจุกระบอกสูบอยู่ที่ 248.8 cc และให้แรงม้ามาสูงสุดถึง 29.58 BHP ที่ 9,000 รอบต่อนาที และทอร์คหรือว่าแรงบิดสูงสุดนั้นเท่ากับ 24 NM ที่ 7,500 รอบต่อนาที เป็นแบบ 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ 4 วาล์ว DOHC 1 สูบ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด มีขนาดกระบอกสูบอยู่ที่ 72 mm และช่วงชักเท่ากับ 61.1 mm จากตรงนี้จะเห็นได้ชัดเจนว่าเจ้า Duke 250 คันนี้นั้นเน้นแรงบิดอันมหาศาลในรอบเครื่องยนต์ต้นถึงกลางนั่นเอง มันจึงค่อนข้างที่จะเหมาะสมเอามากๆ สำหรับการใช้งานในเมือง และในชีวิตประจำวันเป็นหลัก
ขยับมาดูกันต่อในเรื่องของช่วงล่าง ระบบบเบรกหน้านั้นเป็นแบบดิสก์เบรกขนาด 300 mm ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์แบบ 4 ลูกสูบ ส่วนด้านหลังเป็นแบบดิสก์เดียวเช่นกัน แต่ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์แบบ 1 ลูกสูบ สำหรับระบบกันสะเทือนด้านหน้านั้น เป็นแบบ Upsdie Down ขนาด 43 mm ส่วนด้านหลังเป็นแบบ Mono Shock ทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม มีขนาดยางหน้าเท่ากับ 110/70-R17 และยางหลังเท่ากับ 150/60-R17 ล้อเป็นแม็กส์อัลลอย และยางเป็นแบบทูบเลส (ไม่มียางใน)
สำหรับมิติของตัวรถนั้นมีความสูงเบาะอยู่ที่ 830 mm และระยะฐานล้อนั้นเท่ากับ 1357 mm น้ำหนักตัวแบบไม่รวมของเหลวจะอยู่ที่ 153 กก. ก็ถือว่าน้ำหนักนั้นกำลังพอดีๆ ถังน้ำมันจุมาให้ที่ 13.5 ลิตร ก็ถือว่าเหลือเฟือสำหรับการเดินทางไกลของรถในคลาสนี้ ผลการทดสอบที่วัดออกมาได้นั้นในเรื่องของอัตราเร่ง 0-60 กม./ชม. จะใช้เวลาเพียง 3.44 วินาทีเท่านั้น ส่วนอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จะใช้เวลาอยู่ 8.64 วินาที ก็ถือว่าจัดจ้านพอตัวเลยทีเดียว และท็อปสปีดนั้นจะอยู่ที่ 138 กม./ชม. แต่ทั้งนี้ต้องรอผลการทดสอบจากการใช้งานบนท้องถนนจริงๆ อีกครั้งในเรื่องของความเร็วสูงสุดตรงนี้
ทีนี้ก็มารอลุ้นกันว่าหากวางขายในบ้านเราในอนาคตอันใกล้นี้ ทางค่ายเองนั้นจะทำราคามาอยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งทางเราเองก็คาดเดาว่ามันก็น่าจะใกล้เคียงกันกับโมเดล Duke 250 เดิมที่วางขายกันอยู่ในตอนนี้ เพื่อนๆ คนไหนที่ชื่นชอบรถในสไตล์เนกเกตที่มีกลิ่นอายแบบรถสตันท์ติดมาด้วย ก็รอติดตามข่าวสารความคืบหน้ากันได้ทาง GreatBiker เช่นเคยครับ
ขอบคุณภาพจาก maxabout.com tmcblog.com
ขอบคุณบทความจาก greatbiker.com
เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ของรถในตระกูล Booneville กับรูปลักษณ์การออกแบบที่ลงตัว โดดเด่น ดึงดูด ทุกสายตายามขับขี่บนท้องถนน กับ Triumph Booneville T120 รถมอเตอร์ไซค์ในแนว Retro ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้
พื้นฐานเครื่องยนต์ 1200 ซีซี 2 สูบคู่ขนาน แบบ SOHC 8 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชักอยู่ที่ 97.6 mm / 80 mm อัตราส่วนกำลังอัด 10.0:1 ให้กำลังสูงสุดที่ 80 Hp ที่ 6,550 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 105 นิวตันเมตรที่ 3,100 รอบต่อนาที จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ จุดระเบิดเครื่องยนต์ด้วยระบบไฟฟ้า โครงสร้างตัวถังแบบ Tubular steel cradle สวิงอาร์มแบบสองฝั่งผลิตจาก tubular steel ระบบคลัทซ์แบบเปียกซ้อนกันหลายชั้น ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด และส่งกำลังสุดท้ายด้วยโซ่
ระบบกันสะเทือนหน้า Kayaba ขนาด 41 mm ระบบกันสะเทือนหลัง Kayaba twin shocks ที่สามารถปรับสปริงพรีโหลดได้ ระบบเบรกหน้า ดิสก์คู่ขนาด 310 mm ทำงานร่วมกับปั้มเบรก 2 ลูกสูบ Nissin ระบบเบรกหลัง ดิสก์เดี่ยวขนาด 255 mm ปั้มเบรก 2 ลูกสูบจาก nissin เช่นกัน วงล้อหน้าแม็กซี่ 32 ก้าน 18 x 2.75in วงล้อหลังแม็กซี่ 32 ก้าน 17 x 4.25 in ขนาดยางหน้า 100/90-R18 ขนาดยางหลัง 150/70 R17 ความจุถังน้ำมันขนาด 14.3 ลิตร
ตัวรถมีออฟชั่นมากมายเช่น คันเร่งไฟฟ้า ระบบเบรก ABS ไฟหน้า DRL หรือไฟเดย์ไลท์นั้นเอง ระบบ Torque Assist Clutch ที่ช่วยป้องกันการสับของล้อในขณะเข้าเกียร์ผิดปกติ ระบบ Traction Control ที่สามารถเลือกเปิดปิดได้ด้วยตัวเอง มีโหมดการขับขี่ 2 รูปแบบ Road และ Rain มีช่องเสียบ USB สำหรับชาร์จอุปกรณ์พกพา
จุดเด่นของ Triumph Booneville T120 นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามแล้ว ยังมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยบรรจุอยู่อย่างครบครัน และเครื่องยนต์ที่ให้แรงบิดสูงในรอบเครื่องที่ต่ำก็ทำให้อัตราเร่งในช่วงต้นและกลางนั้นบิดติดมือง่ายๆ ถึงจะไม่ได้ความเร็วปลายที่ดุดัน แต่เจ้า T120 ก็ทำความเร็วได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งมันก็เหมาะสมกับรูปแบบของตัวรถ
สนนราคาค่าตัวของ Triumph Booneville T120 จะเริ่มต้นที่ 530,000 บาท โดยมีให้เลือกกันทั้งสิ้น 2 สี คือสี Matt Graphite และ Jet Black โดยเพื่อนๆ สามารถเข้าไปชมรถตัวเป็นๆ สอบถามตารางผ่อนดาวน์ และรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ Triumph ทั้วประเทศครับ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.triumphmotorcycles.co.th
เมื่อประสิทธิภาพของสุดยอดเครื่องยนต์รวมเข้ากับวัสดุและเทคโนโลยีที่ปลุกเร้า สร้างประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือชั้นไปอีกขั้น สำหรับ 2017 MV Agusta Dragster 800 RR รถมอเตอร์ไซค์ Naked Roadster ที่ให้พละกำลังเหนือจินตนาการ
ด้วยเครื่องยนต์ที่ขนาดความจุ 798 ซีซี 3 ลูกสูบ แบบ DOHC ที่ทำงานพร้อมกับ mechanical chain tensioner หรือตัวยึดโซ่กล แบบเดียวกับที่ใช้ในรุ่น MV Afusta Brutale 800 Dragster RR ที่ให้รูปแบบการส่งกำลังที่มีประสิทธิภาพสูง ขนาดของกระบอกสูบXช่วงชักอยู่ที่ 79 x 54.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอีกที่ 13.3:1 ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ ให้พละกำลังสูงสุดที่ 140 Hp ที่ 13,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 86 นิวตันเมตรที่ความเร็วเครื่องยนต์ 10,000 รอบต่อนาที จุดสตาร์ทด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ จุดระเบิดด้วยระบบหัวเทียน 6 หัว ที่ทำงานพร้อมกับระบบ ECU มีระบบ Torque control เพื่อจำกัดแรงบิดที่ส่งไปยังเครื่องยนต์ที่สามารถตั้งได้ถึง 4 ระดับ Traction Control 8 ระดับ ระบบ Electronically Assisted Shift ที่ช่วยเหลือการเปลี่ยนเกียร์ให้คล่องตัวขึ้นไม่ว่าจะเปลี่ยนขึ้นหรือลง ระบบคลัทซ์แบบเปียกซ้อนกันหลายชั้นพร้อมระบบ hydraulic actuation ที่ป้องกันการจับตัวของแผ่นคลัทซ์ ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด และส่งกำลังสุดท้ายด้วยโซ่
โครงสร้างตัวถังแบบ ALS Steel tubular trellis มาพร้อมกับสวิงการ์ฒหลังแบบ pivot plates ที่ผลิตจากวัสดุ Aluminium alloy ระบบกันสะเทือนหน้า Marzocchi แบบ USD ด้วยระบบ hydraulic DLC treated aluminium ที่สามารถปรับ rebound และ compression ได้เต็มรูปแบบ และที่สำคัญสามารถปรับสปริง Preload ได้ ระบบกันสะเทือนหลังโช้คเดี่ยว Progressive Sachs ที่สามารถปรับได้ทั้ง rebound , compression และสปริง Preload ระบบเบรกหน้า floating disc คู่ขนาด 320 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับปั้มเบรคเรเดียลของ Brembo แบบ 4 ลูกสูบ ระบบเบรกด้านหลัง Steel Disc เดี่ยวขนาด 220 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับปั้มเบรกแบบ 2 ลูกสูบ มีระบบ ABS จาก Bosch 9 Plus with RLM วงล้อแบบซี่ผลิตจากอลูมิเนียม โดยขนาดของวงล่อหน้า 3.50×17 นิ้ว ขนาดยางหน้า 120/70 – ZR 17 M/C (58 W) วงล้อหลังขนาด 6.00×17 นิ้ว ขนาดยางหลัง 200/50 – ZR 17 M/C (75 W) มิติตัวรถมีความยาว 2060 มิลลิเมตร ความกว้าง 825 มิลลิเมตร ความสูงโดยรวม 811 น้ำหนักโดยรวม 168 กิโลกรัม
จุดเด่นของ 2017 MV Agusta Dragster 800 RR ด้วยการประกอบที่ประณีต วัสดุที่เลือกสรรมาเป็นอย่างดี Option ที่ให้มากับรถนั้นถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคา ด้วยการออกแบบที่โดดเด่นเป็นที่จับจ้องของทุกสายตา และโมเดลใหม่ตัวนี้มีเครื่องยนต์ที่ผ่านมาตรฐาน EURO4 เป็นที่เรียบร้อย
สรุปส่งท้าย
รถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่องยนต์ 3 สูบนั้นค่อนข้างได้รับความนิยมไปในทางยุโรป โดยการเอาข้อดีของเครื่องยนต์แบบ 2 ลูกสูบ และ 4 ลูกสูบมารวมกันทำให้ได้ความเร็วที่ตอบสนองได้ดีในทุกย่านความเร็ว หากเพื่อนๆ กำลังมองหารถระดับพรีเมี่ยมที่มีประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก งานประกอบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด Option ที่จัดหนักมาให้ตั้งแต่ออกโรงงาน 2017 MV Agusta Dragster 800 RR คันนี้ดูจะเป็นคำตอบที่ใช่ครับ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.totalmotorcycle.com
สำหรับรถในตระกูล Duke จากทาง KTM นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่ามีแยกย่อยออกเป็นหลายรุ่นมากๆ และนี่ก็เป็นหนึ่งในนั้น กับ All New KTM Duke 125 รถที่เป็นน้องเล็กสุดในตระกูล แต่บอกได้เลยว่าไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ด้วยชื่อเล่นอย่าง “Small Duke” (เจ้า Duke น้อย) แต่มีการปรับรูปลักษณ์ทั้งหมดให้ออกมาทันสมัยเหมือนกับรุ่นพี่คันอื่นๆ ในตระกูลเดียวกัน
ซึ่ง KTM Duke 125 นั้นเปิดตัวครั้งแรกสุดเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา เป็นรถแนวนเกตที่มีกลิ่นอายความเป็นสตันท์อยู่ในตัว เน้นการออกแบบที่ใช้เส้นสายอันเฉียบคมและดุดัน แตกต่างไปจากโฉมก่อนหน้านี้อย่างมาก เน้นความคล่องแคล่วในการใช้งานในเมืองเป็นหลัก และจากผลการทดสอบของทางสื่อเมืองนอกนั้นระบุชัดเจนว่ามันตอบสนองในการขับขี่ทุกด้านดีขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งหรือการคอนโทรลรถ เราลองไปไล้เลียงดูในแต่ละจุดของเจ้า Duke 125 ด้วยกันเลยครับ
คอนเซ็ปท์หลักในการออกแบบโมเดลนี้ ก็คือเส้นสายที่แหลมคม สร้างความรู้สึกให้ดุดันมากขึ้นกว่าเดิม ยางหน้าและยางหลังนั้นเป็นยางแบบเรเดียลมาจากโรงงานเลย
ไฟด้านหน้านั้นเป็นไฟ LED แยกซ้ายขวา ซึ่งมีการออกแบบเป็นเอกลักษณ์มากๆ เหมือนกันกับรุ่นพี่ในตระกูล Duke สำหรับเจเนเรชั่นใหม่นี้ทุกคัน
หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ เทียบเท่าได้กับสมาร์ทโฟนดีๆ สักอันเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าเราสามารถเชื่อมต่อเครื่องเล่นเพลงได้ด้วย ซึ่งมันจะแสดงชื่อเพลงและปุ่มคอนโทรลต่างๆ รวมไปถึงการแสดงผลอื่นๆ ที่จำเป็นอย่างครบครัน และถึงแม้จะเป็นหน้าจอแบบ full digital แต่ตรงวัดรอบก็ยังใช้การเลียนแบบการแสดงผลของระบบอนาล็อก (เข็ม) แบบเดิมอยู่ ทำให้ได้อารมณ์มากๆ
ซึ่งสวิทช์ด้านซ้ายมือนั้นจะสั่งการการทำงานของตัว meter ได้เช่นเดียวกับรถแนวแอดเวนเจอร์ทั้งหลายแหล่
เครื่องยนต์นั้นเป็นแบบ DOHC 1 ลูกสูบ ทื่ให้แรงม้ามาสูงสุด 15 ตัว เน้นความเร็วต้นเป็นหลัก ผสมผสานกับตัวรถที่มีน้ำหนักเบา ทำให้อัตราเร่งในย่านที่ว่านี้ หรือว่าการออกตัวและเร่งแซงดีเป็นพิเศษ
สำหรับตัวท่อนั้น แม้ว่าจะใส่ตัว silencer มา แต่เสียงของมันก็ยังคงฟังดูดุดันยามที่รถวิ่งออกไป
ถือว่าเป็นความร่วมมือจากสองยักษ์ใหญ่จากประเทศอิตาลี่ นั่นก็คือ MV Augsta ค่ายผู้ผลิตรถบิ๊กไบค์ชื่อดังและ Pirelli ค่ายผู้ผลิตยางรถมอเตอร์ไซค์ที่เหล่าไบค์เกอร์รู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี กับรถบิ๊กไบค์ในสไตล์ naked roadster รุ่นพิเศษที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Diablo Brutale นั่นเอง
ซึ่งที่มาของชื่อรุ่นนี้ก็มาจาก Diablo ชื่อยางรถรุ่นหนึ่งจากทางค่าย Pirelli และ Brutale รถบิ๊กไบค์ชื่อดังของทางค่าย MV Agusta ที่ในเวอร์ชั่นพิเศษนี้ก็มีการใช้ยางรถลุ่นล่าสุดในตระกูล Diablo อย่าง new Diablo Rosso III รวมไปถึงสีสันในการเพนท์ตัวรถ และชิ้นส่วนบางอย่างซึ่งเข้ากันกับธีมของเจ้า Diablo เป็นอย่างดี
ซึ่งรถในตระกูล Brutale นั้นเป็นผลงานที่กำเนิดมาจาก Massimo Tamburini ดีไซน์เนอร์รถมอเตอร์ไซค์ชื่อดัง (ซึ่งปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว) และถือว่าเป็นรถจากทางค่าย MV Agusta ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในวงกว้าง ซึ่งโฉมที่เราเห็นกันนี้ก็ต้องนับว่าเป็นโมเดลที่ 8 ในตระกูลนี้กันแล้ว สำหรับรายละเอียดด้านสเปคคร่าวๆ ของตัวรถนั้นจะใช้เครื่องยนต์ขนาด 798cc แบบ 3 สูบเรียง โดยมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า MVICS ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์และตัวรถให้ประสานกลมกลืน กันเป็นหนึ่งเดียวในการขับขี่มากที่สุด ที่น่าสนใจไม่น้อยก็คือในเรื่องของระบบ traction control ที่เราสามารถปรับได้มากถึง 8 ระดับเลยทีเดียว ในส่วนของระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบหัวกลับ หรือว่า upside-down ขนาด 43 mm ที่สามารถปรับระยะยุบตัวคืนตัวได้ และด้านหลังเป็นแบบ singleside-swingarm หรือที่เรานิยมเรียกกันว่าแบบโปร์อาร์ม (อาร์มเดี่ยว) ทำงานร่วมกับแกนโช๊คเดี่ยว และตัวคาลิปเปอร์ด้านหน้าก็เป็นแบบเดียวกันกับรถในสนามแข่งเลย
ซึ่งโมเดล Diablo Brutale ที่เราเห็นกันอยู่นี้เป็นการออกแบบเพื่อยนตกรรมสำหรับอนาคตอย่างแท้จริง โดยการออกแบบไฟหน้าให้เป็น FULL LED, ท่อสั้นแบบ 3 ใบที่ดุดันทั้งประสิทธิภาพและการออกแบบ, ในส่วนของถังน้ำมันนั้นมีการเพิ่มความจุไปจากเดิมถึง 3 ลิตรด้วยกัน และสำหรับในส่วนของเฟรมรถนั้นก็ได้เลือกใช้วัสดุแบบอัลลอยที่มีน้ำหนักเบา เพื่อให้เกิดความคล่องตัวสูงสุดในการขี่ แต่ความแข็งแกร่งทนทานนั้นก็มีอย่างเต็มที่ และถึงแม้ว่ามันจะเป็นรถในแนวสปอร์ต-เนกเกต แต่ว่าทางค่ายก็ได้คำนึงถึงในเรื่องของแอร์โร์ว์-ไดนามิกอย่างเต็มที่ไม่แพ้พวกสปอร์ต-แฟร์ริ่งเลยทีเดียว
หลังจากนี้อีกไม่นานทางค่ายก็จะเปิดตัวเป็นๆ กันอย่างเป็นทางการ และมีโอกาสเหมือนกันที่มันจะเข้ามาเป็นหนึ่งในโมเดลที่วางขายกันในบ้านเราด้วย ก็คงต้องมาลุ้นราคากันต่อไปว่ามันจะออกมาอยู่ที่เท่าไหร่ แน่นอนว่าทาง GreatBiker ยังคงเกาะติดโมเดลนี้อย่างใกล้ชิด และจะรีบรายงานให้เพื่อนๆ ทราบกันโดยเร็ว
ขอขอบคุณ greatbiker.com
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางเราได้เคยนำเสนอข่าวเกี่ยวกับ รถในแนวแอดเวนเจอร์จากทางค่าย KTM ในคลาส 390 วันนี้เราจะมาติดตามความเคลื่อนไหวตรงนี้กันอีกครั้ง ซึ่งสำหรับค่าย KTM แล้วนั้นขึ้นชื่อในเรื่องรถแนว Adventure อยู่แล้ว กำลังสร้างความตื่นเต้นให้กับเหล่าไบค์เกอร์ทั้งหลาย เมื่อมีข่าวออกมาว่าจะเดินหน้าผลิตรถแนวนี้ในคลาส 390 ซึ่งนับจากข่าวที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้หลายเดือน ตอนนี้ก็ได้มีภาพ render ออกมาให้เห็นกันแล้ว ซึ่งจะต้องถือว่าเป็นรถในแนวนี้คันแรกของทางค่าย ที่ทำมาในคลาสนี้
ซึ่งจากที่ผ่านมาเราจะเห็นภาพหลุดของ Duke 390 โมเดลใหม่จากทางค่าย ที่กำลังวิ่งทดสอบกัน และก็แน่นอนว่ามันมีความเป็นไปได้สูงทีเดียวที่เจ้า Adventure 390 นั้นจะใช้แพลตฟอร์มพื้นฐานเดียวกันกับ Duke 390 คันใหม่ล่าสุดที่ว่านั่นเอง โดยภาพ render ที่เราเห็นกันนี้ก็เป็นผลงานของ Pratyush Rout ที่อ้างอิงมาจากพื้นฐานของโมเดลเดียวกันนี้ โดยเผยแพร่กันในเว็บ rushlane
ซึ่งถ้าเจ้า KTM 390 Adventure จะออกมาพร้อมๆ กับ Duke 390 เวอร์ชั่นใหม่นั้นก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องประหลาดใจแต่อย่างใด เพราะนอกจากข่าวที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้แล้ว ทางค่ายเองยังต้องการจะผลิตรถให้หลากหลายแนวมากขึ้นสำหรับระดับ Entry Class เพื่อมาชนกับคู่แข่งอย่าง BMW ที่มีข่าวยืนยันออกมาเหมือนกันว่าจะมี GS ในคลาส 310cc ด้วย และอย่างที่กล่าวไปว่า KTM นั้นได้รับการยอมรับสำหรับรถในแนว Adventure อย่างนี้อยู่แล้ว ก็น่าจะสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ สำหรับในคลาสนี้ได้มากเป็นพิเศษ
โดยในภาพ render ของ 390 Adventure นั้นเห็นได้ชัดว่าตัวรถนั้นยกสูง และดูแกร่งกว่าโมเดลอย่าง Duke รวมไปถึงถังน้ำมันเองนั้นที่มีขนาดใหญ่กว่าด้วย ประกอบกับโช๊คอัพหน้าก็ยาวกว่า มีชิลด์หน้าขนาดสูง และแรคในด้านหลังที่พร้อมจะเอาไว้ติดกล่องสำหรับเดินทาง โดยที่เครื่องยนต์นั้นจะมีขนาด 373.2 cc แบบ 1 สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ โดยแม้ว่าจะเป็นเครืองยนต์เดียวกันกับ Duke 390 แต่ว่าทางค่ายจะเซ็ทลักษณะนิสัยของมันให้มีความเป็นทัวร์ริ่งแอดเวนเจอร์มาก ที่สุดนั่นเอง หรือก็คือจะเน้นในเรื่องของแรงบิดในช่วงต้นมากเป็นพิเศษ แต่ปลายจะไม่เน้นเท่าไหร่ และในตอนนี้ก็มีข่าวมาว่าทงาค่าย KTM ที่ประเทศอินเดียนั้นกำลังซุ่มทดสอบรถ 390 Adventure กันอยู่ด้วย ดังนั้นแล้วในอีกไม่นานนี้เราอาจจะได้เห็นภาพ spy shot กันแล้ว
แน่นอนว่าเมื่อ KTM 390 Adventure ออกมาแล้ว จะเป็นโมเดลเรือธงของทางค่ายสำหรับในตระกูล 390 series เพราะมันจะมีราคาแพงที่สุดในตระกูลนี้นั่นเอง แต่ก็จะสร้างทางเลือกให้กับเหล่าผู้ที่ชอบรถในแนวทัวร์ริ่งอย่างนี้ แต่ไม่ต้องการจะเล่นตัวใหญ่ๆ ในคลาส 1000cc หรือว่ามีงบประมาณที่จำกัดก็น่าจะหันมามองรุ่นนี้กันไม่น้อย โดยคู่แข่งของมันนอกเหนือไปจาก BMW GS310 ที่จะออกมาในอนาคตแล้ว ก็จะมี new Royal Enfield Himalayan ที่เพิ่งจะเปิดตัวกันไปไม่นานมานี้ และอาจรวมถึง Kawasaki Versys ที่ก็มีข่าวแว่วๆ ว่าจะทำแนวนี้ในคลาสเล็กด้วย ตรงนี้ถือว่าตลาด Adventure นั้นคึกคักมากๆ ทีเดียวในช่วงนี้
ขอขอบคุณ : rushlane.com motorcyclenews.com
AutoYim กลับมาอัพเดทกันต่อกับ BigBike รุ่นใหญ่แห่งวงการ 2016 Triumph Tiger 800 XC แนะนำสำหรับรุ่นปี 2016 เสือ 800 XC เป็นอย่างมากเกือบยกยอดจาก2014 รุ่น แต่มีการเปลี่ยนแปลงน้อยและการปรับปรุง WP แทนที่ระงับ Showa จากปี 2014 และใหม่สำหรับปี 2016 XC ได้ออกแบบผ้าคลุมที่จะเบนเข็มอากาศร้อนจากหม้อน้ำรถยนต์ออกไปจากผู้ขับขี่
2016 Triumph Tiger 800 XC แฮนด์สร้างปรับเปลี่ยนตำแหน่งการขี่สะดวกสบายมากขึ้นสำหรับยาวเหยียดในอาน ความสูงของเบาะสามารถปรับได้ระหว่าง 33.0 และ 33.8 นิ้ว; แต่มีที่นั่งต่ำอุปกรณ์เสริมที่คุณจะได้รับลงไปที่ 32.3 นิ้ว ที่ไม่เป็นต่ำเป็นเสือ 800 XR แต่จำ XC เป็นพี่น้องปิดถนนและปรับพื้นดินมีผลต่อความสูงของเบาะ
2016 ไทรอัมพ์ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซี แม้การผจญภัยในบรรยากาศสบาย ๆ ที่คุณจะต้องการที่จะเพิ่มการจัดเก็บข้อมูลบางอย่าง แคตตาล็อกอุปกรณ์เสริมที่มีการเดินทางกระจาดอลูมิเนียมที่ทำจากอลูมิเนียม 1.5 มมหนาที่กันน้ำและเพิ่มเกือบ 17 แกลลอนในการจัดเก็บ การเดินทางกระจาดอลูมิเนียมน้ำหนักเบามีและให้พื้นที่จัดเก็บมากขึ้นกว่าการผจญภัยกระจาด การผจญภัยกระจาดมีการฉีดขึ้นรูปที่มีป้ายอลูมิเนียมขัดเงา แต่ละชุดกระจาดมีการจับคู่ของตัวเอง topcase และถุงภายในติดตั้งซอฟท์ทั้งหมดที่มีอยู่ผ่านทางแคตตาล็อกอุปกรณ์เสริม
ប្រយោជន៍ដ៏អស្ចារ្យនៃការផឹកកាហ្វេបៃតង
ពិសាទឹកគ្រាប់ឪឡឹក មួយថ្ងៃតែ១លីត្រ មិនថាគ្រួស ទោះបីខ្សាច់ក្នុងតម្រងនោមនឹងរលាយបាត់គ្មានសល់!!!
វិធីព្យាបាលអស្ចារ្យ…! អ្នកមានបញ្ហាជង្គង់ និងសន្លាក់អស់បារម្ភទៀតហើយ
2016 ไทรอัมพ์ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซี ทำหน้าที่เป็นชัยชนะของการปิดถนนเป็นศูนย์กลางการผจญภัยรูปแบบดังนั้นจึงต้องการตัวถังกลิ้งยากที่จะจัดการกับภูมิประเทศที่ไม่เอื้ออำนวย มันเริ่มต้นด้วยกรอบตาข่ายสำหรับความแข็งแกร่งบิดกับยามในหม้อน้ำและบ่อน้ำมันเพื่อป้องกันพื้นที่เหล่านี้จากความเสียหาย โรงงานพยายามที่จะสร้างสมดุลระหว่างความคล่องตัวและการควบคุมไม่ว่าจะเป็นในสนามบินบางเส้นทางหรือแผ่ไพศาล ช่วงล่างยังได้รับการรักษาที่ปิดถนนที่มีหน้า WP ผลิตภัณฑ์และด้านหลังเมื่อเทียบกับการระงับ Showa พี่น้องในการผจญภัยของ XR คุณสามารถปรับแต่งการบีบอัดและการตอบสนองในการทำให้หมาด ๆ ยาก 43 มม, ส้อมด้านหน้ากลับผ่านคลิกจับนหมวกและช็อตด้านหลังยังมาพร้อมกับการตอบสนองและการปรับพรีโหลดไฮโดรลิคเพื่อให้คุณสามารถโทรออกในการเปลี่ยนแปลงโหลดและเงื่อนไข เดินทางช่วงล่างเป็นที่เพียงพอสำหรับการทำงานของธรรมชาติที่ 8.7 นิ้วขึ้นด้านหน้าและ 8.5 ในด้านหลัง
ราคา 2016 ไทรอัมพ์ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซี อยู่ที่ 12,399 เหรียญสหรัฐ ของเหลวระบายความร้อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงที่ฉีด 800 ซีซี inline อำนาจสามเสือนี้กับ 95 แรงม้าที่ 9250 รอบต่อนาทีและ 58.3 ปอนด์ฟุตที่ 7,850 รอบต่อนาที ความแรงนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
ขอขอบคุณ : bigbike.autoyim.com
ภาพดังกล่าวจาก visordown เป็นภาพที่ถูกถ่ายได้แถวๆ สถานที่ทดสอบรถของไทรอัมพ์ในสเปน ตามที่หลายคนคาดการณ์เครื่องยนต์ 675 ซีซีน่าจะถูกเปลี่ยนเป็น 800 ซีซี ตามแบบสอบถามที่ลูกค้าต่างบอกว่าควรเพิ่มปริมาตรกระสอบสูบให้สูงกว่า 750 ซีซี
รถคันที่ถูกดักถ่ายคันนี้อาจเปน สตรีท ทริปเปิล อาร์เอส ที่ให้คาลิเปอร์เบรกของเบรมโบ้ และจากแบบสอบถามของไทรอัมพ์ สตรีท ทริปเปลจะมีให้เลือกถึง 4 เวอร์ชั่นได้แต่รุ่นพื้นฐาน 110 แรงม้าเบรกคายาบา รุ่น “อาร์” 115แรงม้า โช้คโชวาปรับระดับได้ รุ่น “อาร์ที” 125 แรงม้าที่มากับออพชั่นสำหรับขาทัวริ่งและ “อาร์เอส” 125แรงม้า เบรกเบรมโบ้ โช้คเออห์ลินส์
นอกจากนี้จากแบบสอบถามที่กล่าวมาก่อนหน้าแฟนๆ ยังต้องการให้ สตรีท ทรปเปิล อาร์เอส นั้นมีโหมดการขับขี่ 5 โหมดโดยมี่โหมด Track พร้อมกับจอแสดงผลแบบสีและรุ่น “อาร์ที”อาจมีชิ้นแฟริ่งที่มากกว่าเอาใจขาเที่ยวโดยเฉพาะ
ไฟหน้าเหมือนยกมาจากรุ่นใหญ่อย่าง สปีด ทริปเปิล รวมถึงอลูมิเนียมข้างหม้อน้ำพร้อมกับชิลด์หน้าขนาดเล็กซึ่งในสตรีท ทริปเปิล รุ่นปัจจุบันจะมีแค่ในโฉม อาร์เอ็กซ์ เท่านั้นที่มีชิลด์หน้าติดมาด้วย และมีการปรับสวิงอาร์มใหม่
เพื่อให้ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร4 โดยที่ไม่ลดแรงม้าลงในเครื่อง 675 ซีซี ไทรอัมพ์จึงน่าจะเลือกที่จะมีเพิ่มขนาดกระบอกสูบขึ้นมาแบบอีกหลายๆ ค่าย แต่สุดท้ายจะออกมาเป็นแบบไหนในปีนี้เราน่าจะได้รู้กัน
ขอขอบคุณ : autospinn.com
เคทีเอ็ม ดู๊ค390 โฉมปี 2016 ได้ออพชั่นอย่างสลิปเปอร์คลัทช์เพิ่มเข้ามาแต่ว่าปีหน้าเจ้าตัวจ๊ดสายเลือดสีส้มจะได้เปลี่ยนโฉฒกันเสียที
เคทีเอ็มส่ง ดู๊ค390 โฉม นี่ลงตลาดตั้งแต่ปี ค.ศ.2013 สร้างกระแสตอบรับอันล้นหลามจนต้องมีการย้ายฐานและขยายการผลิตเพิ่มขึ้น
2017 เคทีเอ็ม ดู๊ค390 จะมีไฟหน้าใหม่เอี่ยมดูไวๆ น่าจะใช่แอลอีดีและเดย์ไลท์ แฟริ่งด้านข้างและถภังน้ำมันเองก็ยังได้รับการปรับปรุงเพิ่ม และแน่นอนว่าเรือนไมล์ก็ปรับปรุงใหม่เช่นกัน พร้อมรับประกันงานดีไซน์ขั้นเทพจากออสเตรีย งานประกอบจากอินเดียและมาเลเซีย
การอัพเดตครั้งใหญ่นี้จะช่วยให้เคทีเอ็มกระโดดหนีออกจากวงล้อมของบรรดารถญี่ปุ่นหน้าตาซ้ำๆ ไปอีกก้าวใหญ่ๆ เช่นเดียวกับในอดีตที่ผ่านมา และยังเสริมความดุ แกร่ง มันส์ให้มากยิ่งขึ้น
หน้าตารูปร่างมาพร้อมขายขนาดนี้เชื่อว่า 2017 เคทีเอ็ม ดู๊ค390 น่าจะเปิดตัวในงาน อินเตอร์มอท หรือ อิคม่า ช่วงปลายปีนี้
ขอขอบคุณ : autospinn.com
โพล เอสปาร์กาโร่ มีข่าวไม่ค่อยดีกับต้นสังกัดอย่าง ยามาฮ่า มอนสเตอร์ เทค3 หลังจากโชว์ฟอร์มไม่ค่อยดีในฤดูกาลที่ผ่านมา และล่าสุดก็มีข่าวออกมาแล้วว่าหนุ่มพรนั้นได้ย้ายไปหาน้องใหม่ในสังเวียนระดับโลกแห่งนี้แล้ว
จากข่าวที่เคทีเอ็มจะลงชิงชัยในศึกโมโตจีพีในฤดูกาลหน้าหรือปี 2017 แต่ยังไม่มีข่าวเรื่องตัวขี่ออกมาตอนนี้ค่ายสีส้มจากออสเตรียก็ได้ว่าเอา โพล เอสปาร์กาโร่ เซ็นสัญญาลงหวดอาร์ซี16 สองปีเรียบร้อย
แต่งานนี้น้องพรไม่มีเหงาเพราะเคทีเอ็มได้คว้าเอาเบรดลีย์ สมิธมาร่วมทีมแบบแพ็คคู่มาอยู่เป็นเพื่อนกันเป็นที่เรียบร้อยซึ่งผู้จัดการฝ่ายมอเตอร์สปอร์ตของเคทีเอ็มได้ออกมาบอกว่า คู่นี้ล่ะเหมาะสมกับ เคทีเอ็ม อาร์ซี16 ที่สุด
ตอนนี้เคทีเอ็มกำลังเร่งทดสอบและเตรียมความพร้อมของทีมสำรับฤดูกาลหน้าเต็มกำลังและในช่วงสิ้นฤดูกาล 2016 เคทีเอ็มกำลังเล็งว่าจะเอาไวล์การ์ดมาให้คาลิโอลงหวดอาร์ซี16 ในวาเลนเซีย กรังซ์ปรี ก่อนที่สองหนุ่มจะย้ายมาลุยทดสอบหลังจบฤดูกาลนี้
ขอขอบคุณ : autospinn.com
- 1
- 2